กรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส เก็บชัยเกมแรกของศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ฤดูกาล 2022 เอาชนะ ชิคาโก แบร์ส ขาดลอย 27-10 เกม "ซันเดย์ ไนท์"

กรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส เก็บชัยเกมแรกของศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ฤดูกาล 2022 เอาชนะ ชิคาโก แบร์ส ขาดลอย 27-10 เกม “ซันเดย์ ไนท์” ที่สนาม แลมโบ ฟิลด์ วันจันทร์ที่ 19 กันยายน

กรีน เบย์ (ชนะ 1 แพ้ 1) กลับมาจากความพ่ายแพ้เกมเปิดซีซันแก่ มินเนโซตา ไวกิงส์ 7-23 ยัดเยียดความปราชัยแก่ แบร์ส 7 เกมติดต่อกัน แบบเฮด-ทู-เฮด ทาบสถิติชนะรวดมากสุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์คู่ปรับตลอดกาลของ NFL 205 เกม โดย แพ็คเกอร์ส ชนะ แบร์ส ติดต่อกัน 10 เกม ปี 1994-1998 และอีก 7 เกมติดต่อกัน ปี 1928-1930 กับ 2000-2003

กรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส เก็บชัยเกมแรกของศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ฤดูกาล 2022 เอาชนะ ชิคาโก แบร์ส ขาดลอย 27-10 เกม "ซันเดย์ ไนท์"

ทีมของ แม็ตต์ ลาเฟลอร์ นำห่าง 24-7 ช่วงพักครึ่ง และต้านทานทีมบุก ชิคาโก ลุ้นทัชดาวน์จุดประกายความหวังตรงเส้นประตู (goal-line) ช่วงควอเตอร์ 4

แพ็คเกอร์ส วาง แอรอน โจนส์ รันนิงแบ็ก เป็นตัวขับเคลื่อนเกมบุก หลังถือบอล 5 ครั้ง ได้ระยะ 49 หลา และรับบอล 3 ครั้ง ระยะ 27 หลา สัปดาห์ที่แล้ว โดยเกมนี้ถือบอล 15 ครั้ง ระยะ 132 หลา เฉลี่ย 8.8 หลาต่อเพลย์ 1 ทัชดาวน์ รับบอลอีก 1 ทัชดาวน์

ขณะที่ แอรอน ร็อดเจอร์ส ควอเตอร์แบ็กผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) 4 สมัย ขว้างบอลเข้าเป้า 19 จาก 25 ครั้ง ระยะ 232 หลา 2 ทัชดาวน์ หลังมีปัญหาด้านการปรับตัวกับขุมกำลังปีกนอกชุดใหม่เพียง 1 สัปดาห์

ส่วน แบร์ส อาศัย เดวิด มอนต์โกเมอรี รันนิงแบ็ก ถือบอล 15 ครั้ง ระยะ 122 หลา และ จัสติน ฟิลด์ส ควอเตอร์แบ็ก วิ่งเอง 1 ทัชดาวน์ และขว้างบอลเข้าเป้า 7 จาก 11 ครั้ง ระยะ 70 หลา เสีย 1 อินเทอร์เซ็ปต์

แพ็คเกอร์ส ถล่ม 21-0 เฉพาะควอเตอร์ 2 เริ่มจากสกอร์แรก เป็นการส่งบอลกลับหลัง ซึ่งถูกสรุปว่า โจนส์ วิ่งทัชดาวน์ 15 หลา และเคลื่อนที่รับบอลหลังแนววางลูก แล้วอาศัยออฟเฟนซีฟ ไลน์แมน ช่วยเปิดทาง ตะลุย 8 หลาถึงเอนด์ โซน

สกอร์ที่ 2 ของ โจนส์ กลายเป็นทัชดาวน์ที่ 450 ตลอดอาชีพของ ร็อดเจอร์ส โดยมีควอเตอร์แบ็กคนอื่นๆ ที่ทำสกอร์อย่างน้อย 450 ทัชดาวน์ ได้แก่ ทอม เบรดี, ดรูว์ บรีส์, เพย์ตัน แมนนิง และ เบร็ตต์ ฟาฟร์

จากนั้น ร็อดเจอร์ส ขว้างสกอร์ที่ 451 ของอาชีพ ระยะ 5 หลา ให้ อัลเลน ลาซาร์ด ปีกนอก ซึ่งถูกพักในเกมเยือน ไวกิงส์ เนื่องจากบาดเจ็บข้อเท้า

แบร์ส เริ่มฮึดช่วงครึ่งหลัง ฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของคู่แช่ง ร็อดเจอร์ส เสียฟัมเบิล แย่งบอลกลับมาตรงเส้น 31 หลาแดนตัวเอง ก่อน ไคโร ซานโตส ตัวเตะ หวดฟิลด์โกลระยะ 40 หลา ตีตื้นเหลือ 10-24

ไดรฟ์การบุกชุดต่อมา จอช ไมเออร์ส สแน็ปบอลโดน คริสเตียน วัตสัน ซึ่งเคลื่อนที่ด้านหลังแนววางลูก แต่ เอ.เจ. ดิลลอน รันนิงแบ็ก ตะครุบบอลได้ ทว่ากลายเป็น แพ็คเกอร์ส ต้องเล่นดาวน์ที่ 3 ต้องการ 22 หลา จึงต้องพันท์บอลทิ้ง (เตะกินแดน)

ชิคาโก บุกมาถึง เอนด์ โซน ของ กรีน เบย์ และถูกริบเพลย์วิ่งทัชดาวน์ 6 หลาของ ฟิลด์ส เนื่องจากเข่าแตะพื้นก่อนยื่นบอลข้ามเส้นประตู เพลย์ถัดมา ฟิลด์ส ถือบอลวิ่งในการเล่นดาวน์ที่ 4 ต้องการสกอร์ ตรงเส้น 1 หลา และถูก เพรสตัน สมิธ กับ จาร์แรน รีด หยุดไว้ได้ เสียการครองบอล โดยเหลือเวลาประมาณ 8 นาที

ต่อมา ร็อดเจอร์ส สร้างบิ๊กเพลย์บอมบ์ยาว 55 หลา ให้ แซมมี วัตกินส์ ปีกนอก นำไปสู่ฟิลด์โกลตอกฝาโลง 28 หลาของ เมสัน ครอสบี เหลือเวลา 2 นาที 28 วินาที

ข้อมูลจาก  https://mgronline.com/sport/detail/9650000089865

 

ติดตามอ่านต่อได้ที่ zerryzweb.com