Health

  • ลิ้นเป็นฝ้าขาว บอกโรคอะไรบ้าง และมีการรักษาอย่างไร
    ลิ้นเป็นฝ้าขาว บอกโรคอะไรบ้าง และมีการรักษาอย่างไร

    ลิ้นเป็นฝ้าขาว มีตุ่มที่โคนลิ้น เป็นอาการที่เกิดขึ้นภายในช่องปากของใครหลายๆ คน ซึ่งอาการนี้ เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างชั่วครั้งชั่วคราวกับคนทุกคน แต่กับบางคนแล้ว มันก็เกิดขึ้นได้บ่อยเสียจนทำเอาชวนกังวลว่า มันเป็นสัญญาณของโรคอะไรหรือเปล่านะ ทำให้หลายๆ คนวิตกกังวลเป็นอย่างมาก แต่สรุปแล้ว ลิ้นเป็นฝ้าขาวนั้นบ่งบอกถึงโรคอะไรกันแน่ มีวิธีการรักษาหรือไม่ และจะป้องกันได้ยังไง ไปหาคำตอบเกี่ยวกับลิ้นเป็นฝ้าเหล่านี้กัน

    ลิ้นเป็นฝ้าขาว เกิดจากสาเหตุใด

    ลิ้นเป็นฝ้าขาว หรือ “ลิ้นเป็นขน” เกิดขึ้นจากการหลุดลอกของเซลล์ที่ตายแล้ว ผสมกับเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือการอักเสบของตุ่มรับรสจากปัจจัยต่างๆ ที่ก่อตัวสะสมหนาขึ้นจนทำให้เห็นเป็นฝ้าขาวบนลิ้น และในบางกรณีเอง ก็มีการอักเสบที่ปุ่มรับรสด้วย ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุหลายปัจจัย

    ปัจจัยของการเกิดโรค

    • อาการปากแห้ง
    • ช่องปากไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างเหมาะสม
    • การสูบบุหรี่ หรือการใช้ยาสูบ
    • การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
    • อาการไข้
    • หายใจทางปาก
    • โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดในผู้ใหญ่
    • การรับประทานอาหารที่มีลักษณะนิ่มหรือบดจนละเอียด
    • การระคายเคืองในช่องปากจากขอบฟันคมๆ หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับฟัน

    ซึ่งหากทำความสะอาดแล้ว และไม่หายไปภายใน 2 สัปดาห์ ลิ้นเป็นฝ้าขาวมีตุ่มที่โคนลิ้นเหล่านี้ก็อาจจะเป็นตัวบ่งบอกถึงโรคหรือภาวะอื่นๆ ที่สำคัญได้ ยกตัวอย่างเช่น

    อาการลิ้นเป็นฝ้าขาวบอกโรค

    • เชื้อราในปาก (Oral Thrush)

    เป็นการติดเชื้อของเชื้อราภายในปากจากเชื้อแคนดิดา (Candida Yeast) มักเกิดขึ้นบ่อยในผู้ป่วยวัยทารกหรือวัยสูงอายุ เชื้อราในปากอาจก่อให้เกิดความรู้สึกแสบร้อนร่วมกับขุยสีขาวบนลิ้นที่สามารถขูดออกได้ ทั้งนี้เชื้อราในปากอาจเกิดขึ้นได้ง่ายหากผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ใช้ยาปฏิชีวนะบ่อย ใส่ฟันปลอม หรือมีระดับภูมิคุ้มกันต่ำ อย่างการติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์

    • ลิ้นลายแผนที่ (Geographic Tongue)

    โดยทั่วไป ลิ้นจะมีปุ่มรับรสเล็กๆ ที่ชื่อว่า Papillae ซึ่งมีสีชมพูหรือขาวขึ้นปกคลุม คล้ายกับตุ่มขนสั้นๆ แต่สำหรับลิ้นลายแผนที่ ปุ่มรับรสเหล่านั้นจะหายไปเหลือเพียงลิ้นที่ราบเรียบ มีลายสีแดงคล้ายกับเกาะที่มีขอบนูนเล็กน้อยและดูเหมือนกับของรูปแผนที่ ทั้งนี้ ลิ้นลายแผนที่ไม่ใช่อาการรุนแรงต่อร่างกายของเรา และไม่เกี่ยวกับการติดเชื้อโรคมะเร็งแต่อย่างใด

    • โรคฝ้าขาว (Leukoplakia)

    เป็นโรคที่เกิดจากการทับถมของโปรตีนเคอราติน รวมทั้งการผลิตเซลล์จำนวนมากจากช่องปาก จนเกิดเป็นรอยสีขาวปรากฏบนเนื้อลิ้น อาจเป็นผลจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปร่วมกับการสูบบุหรี่ ถึงแม้ว่าปกติแล้วโรคฝ้าขาวจะไม่เป็นอันตราย แต่ในบางกรณีก็อาจกลายเป็นโรคมะเร็งได้ โดยมากจะพบในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นโรคฝ้าขาวนานหลายปี ซึ่งอาจนานถึง 10 ปีก็ได้เช่นกัน

    • โรคไลเคนพลานัสในช่องปาก (Oral Lichen Planus)

    เป็นโรคที่เกิดจากการทำงานผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไลเคนพลานัสในช่องปากเพียงเล็กน้อยจะไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่ในบางกรณี ก็อาจรู้สึกแสบร้อน รวมถึงเจ็บปวดบริเวณเหงือก หรือพบรอยที่สร้างความปวดในบริเวณกระพุ้งแก้มได้เหมือนกัน

    • โรคซิฟิลิส (Syphilis)

    ซึ่งเกิดจากการทำออรัลเซ็กซ์ให้คนที่มีเชื้ออยู่แล้ว โดยก่อให้เกิดแผลเล็กๆ บนลิ้นแต่ไม่สร้างความเจ็บปวด มักเกิดขึ้นหลังจากการได้รับเชื้อตั้งแต่ 10 วันไปจนถึง 3 เดือน และหากไม่ได้รับการรักษา อาจก่อให้เกิดรอยขาวบนลิ้นซึ่งเรียกว่าฝ้าขาวจากซิฟิลิสได้

    • มะเร็งช่องปาก (Oral cancer)

    เกิดจากการเติบโตของเซลล์มะเร็งบริเวณภายในช่องปาก มักจะเกิดที่แถวๆ ริมฝีปากล่าง ซึ่งอวัยวะในช่องปากนั้น อาจเกิดโรคมะเร็งได้ในทุกตำแหน่ง ได้แก่ ลิ้น กระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก เหงือก เพดานปาก พื้นใต้ลิ้น ลิ้นไก่ และต่อมทอนซิล

    • มะเร็งลิ้น (Tongue Cancer)

    มักเกิดจากเซลล์สแควมัสชนิดผอมแบน (Squamous Cells) ที่พบบนผิวลิ้นของผู้ป่วย ทั้งนี้กระบวนการรักษาจะแตกต่างกันไปตามแต่ชนิดของเซลล์มะเร็งนั้นๆ

    ลิ้นเป็นฝ้าขาว

    วิธีการรักษาลิ้นเป็นฝ้าขาว

    อาการลิ้นเป็นฝ้าขาวเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งส่งผลต่อวิธีการรักษาให้แตกต่างกันไปตามแต่กรณีของสาเหตุโรคนั้นๆ โดยการรักษาด้วยวิธีการต่างๆ ตามสาเหตุของโรคนี้เอง ก็จำเป็นที่จะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสียก่อนหลังจากที่ตรวจพบ และไม่ควรที่จะวิตกกังวลไปเอง แต่จะต้องไปตรวจกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ ให้แน่ชัด ซึ่งปัจจุบัน ก็มีวิธีการรักษาตามสาเหตุของโรค ดังนี้

    • การรักษาลิ้นเป็นฝ้าขาวที่เกิดขึ้นจากเชื้อราในปาก

    ในกรณีนี้ อาจรักษาได้ด้วยการใช้ยาต้านเชื้อรา ซึ่งมีตัวยาหลายรูปแบบ ทั้งแบบอม แบบเจล แบบยาน้ำใช้ทาโดยตรงในช่องปาก หรือยารับประทาน โดยทั่วไปแล้ว มักใช้ระยะเวลาในการรักษาราวๆ 7 ถึง 14 วัน ซึ่งการใช้ยาอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง แม้ว่าจะพบได้น้อยก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และท้องเสีย เป็นต้น

    • การรักษาลิ้นเป็นฝ้าขาวจากลิ้นลายแผนที่

    สำหรับลิ้นเป็นฝ้าขาวจากลิ้นลายแผนที่ ผู้ป่วยมักไม่ต้องเข้ารับการรักษา เพราะภาวะลิ้นลายแผนที่ ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาที่ร้ายแรง แม้จะทำให้รู้สึกไม่สบายลิ้นในบางครั้ง รวมทั้งอาการที่ปรากฏอาจหายไปได้เองภายใน 2 ถึง 3 วัน หรืออาจนานหลายสัปดาห์

    • การรักษาลิ้นเป็นฝ้าขาวจากโรคฝ้าขาว

    ส่วนอาการลิ้นเป็นฝ้าขาว นอกเหนือไปจากการลดหรือเลิกสูบบุหรี่ และหยุดดื่มแอลกอฮอล์แล้ว การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดก็ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดเซลล์มะเร็งได้ ทั้งการผ่าตัดด้วยมีด เลเซอร์ หรือใช้การจี้เย็น ซึ่งวิธีการผ่าตัดมักใช้ยาชาเฉพาะที่เข้าช่วย หรือแม้แต่ยาสลบหากบริเวณที่ต้องผ่าตัดกินบริเวณกว้าง

    นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังมีหลักฐานบางชิ้นที่แสดงว่า โรคฝ้าขาวสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาเรตินอยด์ ที่เป็นสารผลิตจากวิตามินเอ อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยการใช้เรตินอยด์ อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย และยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าได้ผลจริง

    • การรักษาลิ้นเป็นฝ้าขาวจากโรคไลเคนพลานัสในช่องปาก

    การที่ลิ้นเป็นฝ้าจากโรคไลเคนพลานัสในช่องปาก หากเป็นไม่มาก การรักษาอาจไม่จำเป็น แต่สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคไลเคนพลานัสในช่องปากที่เป็นมาก อาจจะต้องใช้วิธีการรักษาด้วยการใช้น้ำยาบ้วนปาก ร่วมกันกับยาสเตียรอยด์ชนิดพ่นในช่องปาก หรือยาสเตียรอยด์ชนิดเม็ดละลายน้ำเพื่อใช้บ้วนทำความสะอาดช่องปากควบคู่กันไป

    • การรักษาลิ้นเป็นฝ้าขาวจากโรคซิฟิลิส

    อาการลิ้นเป็นฝ้าที่เกิดจากโรคซิฟิลิส สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาเพนิซิลินเป็นหลัก

    • การรักษาลิ้นเป็นฝ้าขาวจากโรคมะเร็งลิ้นหรือมะเร็งช่องปาก

    ส่วนลิ้นเป็นฝ้าที่เกิดจากโรคมะเร็งลิ้นหรือมะเร็งช่องปาก ผู้ป่วยต้องรักษาด้วยการเข้ารับการผ่าตัด การฉายแสง หรือยาเคมีบำบัดนั่นเอง

    วิธีการป้องกันลิ้นเป็นฝ้าขาว

    จริงๆ แล้ว การป้องกันลิ้นเป็นฝ้าขาว มีตุ่มที่โคนลิ้นไม่ให้เกิดขึ้นนั้น ทำได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน ได้แก่

    • แปรงลิ้นอย่างถูกวิธี

    วิธีที่ง่ายที่สุดในการกำจัดฝ้าขาวที่ลิ้นคือการแปรงลิ้นเป็นประจำด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ซึ่งสามารถใช้แปรงสีฟันนุ่มในการแปรงลิ้น หรือใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดลิ้นทุกครั้งที่แปรงฟันก็ได้ นอกจากฝ้าที่ลิ้นจะหายไปแล้ว ยังช่วยกำจัดกลิ่นปากไปในตัวอีกด้วย

    • ดูแลสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ

    สาเหตุอย่างหนึ่งของการที่ลิ้นเป็นฝ้า เกิดได้จากสุขภาพช่องปากที่ไม่ดี ดังนั้นหากเราหมั่นรักษาความสะอาดช่องปากด้วยการแปรงฟันที่ถูกวิธี และไปพบทันตแพทย์ในทุกๆ 6 เดือน เพื่อขูดหินปูน ตรวจฟัน เคลือบฟลูออไรด์ โอกาสที่เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราที่ก่อปัญหาสุขภาพช่องปากก็จะลดน้อยลงไปเป็นอย่างมาก ช่วยลดโอกาสที่ลิ้นจะเป็นฝ้าไปได้ในอีกทางหนึ่ง

    • ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต

    เพราะถึงแม้เราจะสามารถรักษ­­­าฝ้าขาวที่ลิ้นให้หมดไปได้ แต่ถ้าหากยังบริโภคสิ่งเดิมๆ ที่ส่งผลทำให้เกิดฝ้าขาวขึ้นบนลิ้น ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่มีวันหายไป ดังนั้นไม่ว่าจะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ รวมไปถึงพฤติกรรมสูบบุหรี่ ก็ควรที่จะลด ละ เลิก เพื่อให้สุขภาพช่องปากของเรานั้นไม่เผชิญกับปัญหาลิ้นเป็นฝ้าขาวนั่นเอง

    • ตรวจเช็คสังเกตสุขภาพตัวเอง

    ในบางครั้ง ฝ้าที่ลิ้นอาจเป็นตัวบ่งชี้ปัญหาสุขภาพได้ ดังนั้นหากพบความผิดปกติใดๆ ไม่ควรที่จะนิ่งนอนใจ และไปพบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจร่างกายของเรา ว่าปัญหาที่พบนั้นเป็นเรื่องอะไรกันแน่

    การที่ลิ้นเป็นฝ้าขาว มีตุ่มที่โคนลิ้นนั้น เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกคน ซึ่งเกิดจากการสะสมของแบคทีเรียหรือเชื้อรา รวมกับเซลล์ที่ตายไปแล้วที่ติดอยู่ระหว่างตุ่มเล็กๆ บนเนื้อลิ้น ในที่นี้ หากแปรงลิ้นบริเวณที่เป็นสีฝ้าขาวเบาๆ หรือหลังจากดื่มน้ำจำนวนมาก แล้วยังไม่หายไป และเป็นนานกว่า 2 สัปดาห์ ก็อาจบ่งบอกได้ถึงการติดเชื้อ หรืออาการร้ายแรงอื่นๆ ได้ด้วย แต่ถึงแบบนั้น ก็อย่าวิตกมากจนเกินไป และควรพบทันตแพทย์ หรือทันตแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ช่องปาก เพื่อตรวจสอบอาการของตัวเราว่าเป็นอะไรหรือไม่เพื่อความแน่ชัด

     

    เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพอื่นๆ ที่น่าสนใจ

     

    ที่มาของบทความ

     

    ติดตามเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่  zerryzweb.com

    สนับสนุนโดย  ufabet369

Economy

  • รายละเอียดกองทุนผู้สูงอายุ เปิดให้ ‘กู้เงิน’ ปลอดดอกเบี้ย
    รายละเอียดกองทุนผู้สูงอายุ เปิดให้ ‘กู้เงิน’ ปลอดดอกเบี้ย

    กองทุนผู้สูงอายุ พม. เร่งช่วยเหลือผู้สูงอายุประกอบอาชีพ เปิดให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปกู้ยืมเงินทุนรายบุคคล-รายกลุ่ม ปลอดดอกเบี้ย
    กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เดินหน้าดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุในการประกอบอาชีพ กองทุนผู้สูงอายุ กรมกิจการผู้สูงอายุ ได้เปิดให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กู้ยืมเงินทุนประกอบอาชีพ รายบุคคลวงเงินไม่เกินคนละ 30,000 บาท รายกลุ่ม 5 คนขึ้นไปวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท โดยไม่มีดอกเบี้ย เน้นย้ำการดูแลผู้สูงอายุผ่านกองทุนผู้สูงอายุ เป็นความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการดำเนินนโยบายด้านสวัสดิการผู้สูงอายุที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้ผู้สูงอายุได้นำเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยดังกล่าว มาเป็นเงินทุนหรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ รวมถึงเป็นการหมุนเวียนสภาพคล่องทางการใช้จ่ายให้กับผู้สูงอายุ ทดแทนการเป็นหนี้นอกระบบ

    นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ผู้ร่วมกู้จำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน จะต้องมีผู้ค้ำประกัน การกู้ยืมทุกประเภทต้องชำระคืนเป็นรายงวด ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี โดยไม่มีดอกเบี้ย

    คุณสมบัติของผู้กู้
    มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    มีความจำเป็นขอรับการสนับสนุนเงินกู้ยืมประกอบอาชีพ
    มีความสามารถในการประกอบอาชีพ
    มีสภาพร่างกายแข็งแรงประกอบอาชีพได้
    มีปัจจัยในการสนับสนุนการประกอบอาชีพ
    มีสถานที่ประกอบอาชีพอยู่จังหวัดเดียวกันกับที่ยื่นขอกู้ยืม
    ไม่เป็นผู้ค้างชำระเงินกองทุนผู้สูงอายุ

    คุณสมบัติของผู้ค้ำประกัน คือ
    มีอายุไม่เกิน 59 ปีบริบูรณ์
    เป็นผู้มีรายได้หรือเงินเดือนประจำ
    มีภูมิลำเนาตามทะเบียนราษฎร์อยู่จังหวัดเดียวกันกับผู้กู้ยืม
    ไม่อยู่ระหว่างเป็นผู้กู้ยืม ไม่อยู่ระหว่างเป็นผู้ค้ำประกันให้กับบุคคลอื่นที่ขอกู้ยืม


    เอกสารประกอบการยื่นคำร้อง ได้แก่
    บัตรประจำตัวประชาชน (ผู้กู้-ผู้ค้ำ)
    ทะเบียนบ้าน (ผู้กู้-ผู้ค้ำ)
    หนังสือรับรองเงินเดือนผู้ค้ำประกัน ใบสำคัญการสมรส หรือใบสำคัญการหย่า (ถ้ามี) ใบมรณะบัตรกรณีคู่สมรสเสียชีวิต (ถ้ามี) ใบเปลี่ยนชื่อ สกุล (ถ้ามี)
    กรณีผู้ยื่นคำร้องมีอายุ 80 ปีขึ้นไป ควรมีใบรับรองแพทย์
    รูปถ่ายเต็มตัวขณะประกอบอาชีพ

    สามารถกู้ยืมเงินผ่านช่องทางออนไลน์เว็บไซต์กองทุนผู้สูงอายุผู้สูงอายุ olderfund.dop.go.th ผู้สูงอายุที่สนใจ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2354 6100 กองทุนผู้สูงอายุ (กรมกิจการผู้สูงอายุ) กรุงเทพมหานคร หรือต่างจังหวัด ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ทุกจังหวัด

    ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 มีผู้กู้ยืมเงินประกอบอาชีพที่ผ่านการอนุมัติ จำนวน 579 ราย และมีโครงการที่ขอรับการสนับสนุนผ่านการอนุมัติ จำนวน 8 โครงการ โดยกองทุนผู้สูงอายุจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนผู้สูงอายุให้มีศักยภาพ ความมั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมขององค์กรที่ดำเนินงานเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสนับสนุนผู้สูงอายุให้มีความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง

    ติดตามข่าวเศรษฐกิจได้ที่ zerryzweb.com