Featured News
Posts List
Posts Slider
Health
-
วิธีแก้ อาการความคิดติดลบ จนเป็นพิษ
คุณรู้สึกตื่นเต้นยินดี มีความกระตือรือร้นหรือไม่? เวลาที่ได้รับเลือก ให้เข้าสัมภาษณ์ ตำแหน่งในฝัน
หรือภาพที่คุณถูกปฏิเสธ ไม่รับเข้าทำงาน ภาพความล้มเหลว ที่ทำให้คุณตีตนไปก่อนไข้ จนทำให้คุณรู้สึกหม่นหมอง สิ่งเหล่านี้ได้ผุดขึ้นมา ในหัวของคุณทันทีหรือไม่ ความนับถือตนเอง และความมั่นใจ กำลังถูกทำลาย ให้พังพินาจไปอีกครั้ง ไม่เพียงแค่ว่า เหตุการณ์สำคัญ ที่เกิดขึ้นมาในชีวิตเท่านั้น
ในคนบางกลุ่ม วิตกกังวลหรือหวาดกลัว สิ่งรอบตัวจนเกินกว่าเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการไม่ตอบแชท หรือข้อความของเพื่อน หรือคนสนิทในทันทีทันใด จนทำให้ตัวเองนั้นคิดไปว่า ผู้รับข้อความปลายทางนั้น โกรธตัวเอง เพราะได้ไปทำอะไรผิดมาแน่ๆ หรือไม่ก็ การได้รับฟังข่าวสาร เกี่ยวกับเศษฐกิจ โรคระบาด จนทำให้ตัวเองเกิดการฟุ้งซ่าน เกิดอาการนอนไม่หลับ
หากว่าคุณนั้น เคยได้มีประสบการณ์ หรือเคยสัมผัสกับสิ่งข้างต้นที่ได้กล่าวมา นั่นหมายความว่า สภาพจิตใจของคุณนั้น อาจเข้สสู่สภาพ “มองโลกเป็นหายนะ” (Catastrophising) ซึ่งอาการนี้ก็คือ พฤติดกรรมทางจิต ที่มองทุกสิ่งทุกอย่าง ในด้านลบไปหมดจนเป็นนิสัย มักจะมองโลกในแง่ร้าย ประเมิณความเสี่ยง กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นแย่สูงเกินจากความเป็นจริง
ดร. แพทริก คีแลน นักจิตวิทยา และนักจิตบำบัดชาวแคนาดา อธิบายถึงสภาพจิตใจที่คอย แต่จะมองโลกเป็นหายนะว่า “นี่เป็นวิธีการคิดในเชิงลบที่จะเลวร้ายย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ ทำให้เกิดความเครียดและอารมณ์รุนแรงท่วมท้น จนไม่อาจจะจัดการได้อีกต่อไป ส่งผลบั่นทอนสุขภาพจิตและทำให้อาการเจ็บปวดเรื้อรังทางกายหนักขึ้น”
วิธีบำบัดจิตนอกแนวทาง “ซิกมันด์ ฟรอยด์”ความรู้ความเข้าใจเรื่องการมองโลกเป็นหายนะของนักจิตวิทยาในปัจจุบัน มาจากการถือกำเนิดขึ้นของแนวทางจิตบำบัดที่เรียกว่า “การบำบัดเชิงพฤติกรรมการคิด” (Cognitive Behavioral Therapy) ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ซึ่งต่างจากแนวทางจิตบำบัดกระแสหลักของซิกมันด์ ฟรอยด์ ที่มีมาก่อนหน้านั้น
แทนที่จะใช้วิธีขุดคุ้ยหาปมความกลัวและความปรารถนาเร้นลับ ที่ถูกเก็บกดซ่อนไว้ในจิตใต้สำนึกตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อที่จะรักษาอาการป่วยทางใจตามแนวทางของฟรอยด์ นักจิตบำบัดอย่างอัลเบิร์ต เอลลิส และแอรอน เบ็ก หันไปให้ความสนใจกับกระบวนการคิดขณะมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ของผู้คนมากขึ้น
พวกเขามองว่า “การบิดเบือนทางความคิด” (cognitive distortion) หรือการมีวิธีคิดที่ไม่สมเหตุสมผลและไม่ตรงกับความเป็นจริง คือสาเหตุสำคัญของการ “มองโลกเป็นหายนะ” ที่ทำให้เกิดความเครียดรุนแรงและอาการผิดปกติทางจิตชนิดต่างๆ ได้ ตัวอย่างเช่นคนที่มีอาการ “โฟเบีย” (phobia) หรือหวาดกลัวจนเกินจริงต่อสิ่งต่างๆ อย่างไร้เหตุผล
จะตีความว่าการสั่นสะเทือนเล็กน้อย ในห้องโดยสารของเครื่องบิน คือสัญญาณบ่งชี้ถึงเครื่องยนต์ที่เริ่มทำงานล้มเหลว และเครื่องบินกำลังจะตกในไม่ช้า ทั้งที่การสั่นของเครื่องบินดังกล่าว เป็นเรื่องปกติ และไม่มีลูกเรือคนใด แสดงอาการตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย งานวิจัยใหม่ๆ ต่างชี้ว่า วิธีคิดแบบมองทุกสิ่งเป็นหายนะสามารถนำไปสู่อาการทางจิต และความผิดปกติ ทางพฤติกรรมได้หลายแบบ
ไม่ว่าจะเป็นภาวะวิตกกังวล และย้ำคิดย้ำทำอย่างรุนแรง เช่นพนักงานที่ทำผิดพลาดไปเพียงเล็กน้อย แต่กลับหวาดกลัวว่าจะถูกไล่ออกอยู่ตลอดเวลา ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถทำงาน ในหน้าที่ได้อีกต่อไป นอกจากนี้ การคิดลบแบบเกินจริง ยังส่งผลต่ออาการทางกาย ซึ่งมักเกิดขึ้นจากความหวาดกลัว ในเบื้องต้น โดยขยายผลให้เจ็บปวด
และรุนแรงขึ้นได้ เช่นคนที่รู้สึกประหม่าจนใจเต้นแรง เพราะกำลังจะนำเสนอรายงานต่อที่ประชุม หากเป็นคนกลุ่มที่มองโลกเป็นหายนะแล้ว ก็จะตีความว่าตนกำลังจะหัวใจวาย ซึ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงเหมือนราดน้ำมันลงในกองไฟ และนำไปสู่อาการแพนิก (panick attack) หรือโรคตื่นตระหนกอย่างเต็มรูปแบบได้
โรคติดต่อทางอารมณ์
มีหลายปัจจัยที่ช่วยอธิบายว่า ทำไมบางคนจึงมีแนวโน้ม จะมองโลกเป็นหายนะได้สูงกว่าคนอื่น เช่นคนที่มีบุคลิกภาพแบบวิตกจริต (neuroticism) มีความเสี่ยงที่จะเกิดความคิดบิดเบือนเกินจริงได้ ซึ่งบุคลิกภาพแบบนี้อาจมีที่มาทางกรรมพันธุ์ หรือได้รับการปลูกฝังจากคนใกล้ชิดในวัยเด็ก โดยการมีพ่อแม่ที่มองโลกในแง่ร้ายสุดขั้ว จะทำให้ลูกเติบโตขึ้นมามีโลกทัศน์ในแบบเดียวกัน
นอกจากนี้ ระดับความเครียด และความรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัยที่มีสะสมอยู่สูงในประชากรโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ที่นำไปสู่ความปั่นป่วนวุ่นวายของสังคมและภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้ความเครียดในเรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่กระตุ้นให้เกิดสภาพจิตใจแบบมองโลกเป็นหายนะได้ง่าย
การรับข่าวสารต่างๆ จากทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้คนเราต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางกระแสข่าวร้าย ไม่ว่าจะเป็นข่าวสงคราม โรคระบาด หรือโศกนาฎกรรมอื่น ๆ ที่ทำให้ “จิตตก” อยู่เกือบตลอดเวลา ส่งผลให้มีพฤติกรรมคิดลบกันมากขึ้นและหนักขึ้น งานวิจัยของมหาวิทยาลัยซัสเซกซ์ในสหราชอาณาจักร
พบว่าการเสพข่าวร้าย สามารถทำให้คนเราวิตกกังวลเพิ่มขึ้น จนถึงขั้นมีสภาพจิตใจแบบมองโลกเป็นหายนะได้ ซึ่งแสดงว่าการเสพข่าวสารมีอิทธิพลสำคัญต่ออารมณ์ของคนเราในระยะยาว
ทำลายวงจรความคิดลบ
อย่างไรก็ตามนักจิตวิทยารุ่นใหม่มองว่า เราสามารถทำลายวงจร ของการวนเวียนคิดลบแบบสุดขั้วนี้ได้ด้วยการมีสติรู้ตัว ดร. คีแลนบอกว่าการมีสติยั้งคิดนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยหยุดความคิดแบบด่วนสรุปที่ว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงหายนะได้ลงในทันที หลังจากนั้นก็ให้หันมาตั้งคำถาม อย่างเป็นธรรมกับตัวเองว่า “ฉันกำลังจะล้มเหลวจริงหรือ”
ดร. คีแลนแนะนำให้คนที่เริ่มมองโลกแบบหายนะ เปลี่ยนวิธีคิดและมุมมอง ต่อสถานการณ์เสียใหม่ ในแบบที่สามารถตั้งคำถาม ประเมินสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเป็นกลาง และสมดุลในทุกแง่มุม เช่นเดียวกับการวิเคราะห์แบบภววิสัย (objective) จากบุคคลภายนอก โดยใช้หลักฐานแวดล้อมที่มีอยู่จริงมากกว่าจินตนาการ
หากคุณหวาดกลัวการสัมภาษณ์งาน ที่กำลังจะมาถึง และเริ่มคิดแบบปักใจ ว่าจะต้องทำพลาดจนไม่ได้งานในฝันเป็นแน่ ในกรณีนี้ให้ตั้งคำถามว่า มีเหตุผลอะไรบ้างที่จะทำให้คุณสอบตก การสัมภาษณ์โดยอัตโนมัติ ซึ่งหลังจากคิดทบทวน โดยละเอียดอย่างเป็นกลางแล้ว คุณจะพบว่าความล้มเหลวนั้นเป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่เป็นไปได้ แต่ไม่ใช่ชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้ อย่างแน่นอนล่วงหน้า
แม้การเปลี่ยนพฤติกรรมการคิดจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การฝึกฝนอย่างค่อย เป็นค่อยไปจะส่งผลดีในที่สุด “การทำเช่นนี้จะช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลที่พุ่งสูง ให้ลงมาอยู่ในระดับที่บริหารควบคุมได้” ดร. คีแลนกล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณ แหล่งที่มา : bbc.com
สามารถอัพเดต ข่าวสารเรื่องราวต่างๆ ได้ที่ : zerryzweb.com
Economy
-
มิตรภาพจีน-ไทยผลิดอกออกผล
มิตรภาพจีน-ไทยผลิดอกออกผล ร่วมมือร่วมใจกันเปิดศักราชใหม่
“หาน จื้อเฉียง” แสดงความยินดีที่จีนและไทยได้เพิ่มความไว้วางใจเชิงยุทธศาสตร์มากยิ่งขึ้น และก้าวไปสู่เส้นทางแห่งความสัมพันธ์จีน-ไทยที่กว้างขวางและสดใสยิ่งขึ้น ชี้ปี 2566 ครบ 10 ปีของการสร้างข้อริเริ่ม “สายแถบและเส้นทาง” หวังได้เห็นผลสำเร็จ เพื่อเชื่อมต่อสิ่งอำนวยความสะดวก การค้าที่ไม่มีข้อจำกัด การบูรณาการทางการเงิน และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชน พร้อมส่งคำอวยพรตรุษจีน ขอให้ทุกคนโชคดีและมีความสุขตลอดปีเถาะ
นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ปี 2565 เป็นปีแห่งความสำเร็จที่เป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์จีน-ไทย โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเปก ครั้งที่ 29 และเยือนไทย เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้า เจ้าอยู่หัว และหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย
ทั้งสองฝ่ายออกแถลงการณ์ร่วมในการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน และลงนามในแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นการนำไปสู่ยุคใหม่ของความสัมพันธ์จีน-ไทย
“เรายินดีที่เห็นว่าจีนและไทยได้เพิ่มความไว้วางใจเชิงยุทธศาสตร์มากยิ่งขึ้น มีความแน่วแน่ในการรักษาผลประโยชน์หลักของกันและกันอย่างเด็ดเดี่ยว และเสริมสร้างความใกล้ชิดในการประสานงานระหว่างประเทศและภูมิภาค”
เราเห็นพ้องต้องกันว่าจะสร้างสรรค์ “สายแถบและเส้นทาง” ที่มีคุณภาพสูง ได้เห็นความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องของการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย นิคมอุตสาหกรรมระยองไทย-จีนมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เราได้ทำงานร่วมกันเพื่อเอาชนะความยากลำบากของการแพร่ระบาดของโควิด-19
ขณะที่มูลค่าการค้าทวิภาคีทะลุ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อีกครั้ง เราเป็นมิตรต่อกันจากคนรุ่นสู่รุ่น ประชาชนมีความรู้สึกใกล้ชิดทางใจ ยืนหยัดในความหวังดีและปรารถนาดีต่อกันและกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เรากำลังก้าวไปสู่เส้นทางแห่งความสัมพันธ์จีน-ไทยที่กว้างขวางและสดใสยิ่งขึ้น
จุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์ใหม่
เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย กล่าวว่า ปี 2566 เป็นปีแรกที่เราจะดำเนินการตามจิตวิญญาณของการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 อย่างรอบด้าน และเริ่มดำเนินการภายใต้สถานการณ์ใหม่ ในการบูรณาการการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 กับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ณ จุดเริ่มต้นทางประวัติศาสตร์ใหม่ จีนจะยังคงยึดมั่นในหลักการทั่วไปในการแสวงหาความก้าวหน้าท่ามกลางการรักษาเสถียรภาพ และจะดำเนินการเปิดระดับสูงอย่างแน่วแน่ ยึดมั่นในการพัฒนาอย่างสันติ เป็นอิสระ แสวงหาความก้าวหน้าสำหรับมนุษยชาติ
แสวงหาความสามัคคีอันยิ่งใหญ่สำหรับโลกและสร้างอารยธรรมมนุษย์รูปแบบใหม่ด้วยความทันสมัยแบบจีน ยึดมั่นในหลักการส่งเสริมคุณธรรมและรักษาอธิปไตยความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติอย่างเด็ดเดี่ยว
ในปีนี้เรายึดมั่นในแนวคิดประชาชนต้องมาก่อนและชีวิตสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด มีการปรับปรุงและปรับเปลี่ยนมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามกาลเวลาและสถานการณ์ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการใช้ชีวิต การเดินทาง การทำงาน และการเรียนของประชาชนให้มีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
“ในขณะที่จีนฟื้นฟูแลกเปลี่ยนและไปมาหาสู่กันของประชาชนระหว่างประเทศอย่างเป็นระเบียบ ความต้องการในการเดินทางที่สะสมในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาได้รับการปลดปล่อยอย่างเต็มที่ และชุดนโยบายที่เพิ่งประกาศจะเกิดผล ซึ่งจะส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอย่างแข็งแกร่ง และเป็นการเพิ่มพลังเชิงบวกในการหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ”โอกาสใหม่สำหรับจีนและไทย
นายหาน จื้อเฉียง กล่าวต่อไปว่า ปี 2566 เป็นปีครบรอบปีที่ 10 ของการร่วมกันสร้างข้อริเริ่ม “สายแถบและเส้นทาง” ซึ่งถือเป็นโอกาสใหม่สำหรับจีนและไทยในการร่วมกันสร้าง “สายแถบและเส้นทาง” ที่มีคุณภาพสูง เราควรจะใช้ความพยายามทำงานหนักและแสวงหาผลสำเร็จในการประสานนโยบาย การเชื่อมต่อสิ่งอำนวยความสะดวก การค้าที่ไม่มีข้อจำกัด การบูรณาการทางการเงิน และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชน
ดังนั้น ประการแรก เราต้องเสริมสร้างการประสานยุทธศาสตร์การพัฒนา เร่งสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน และเติมเต็มเนื้อหาในยุคใหม่ให้กับ “จีนและไทยเป็นครอบครัวเดียวกัน” อย่างต่อเนื่อง
ประการที่สอง เราต้องใช้ประโยชน์จากศักยภาพของการเชื่อมต่อโครงข่าย และทำให้รถไฟจีน-ลาว-ไทย เป็น “เส้นเลือดใหญ่” ของการส่งเสริมโลจิสติกส์ขนส่งผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและการค้าด้วยโลจิสติกส์ และเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมด้วยเศรษฐกิจการค้า
ประการที่สาม ขยายประเภทและขนาดของเศรษฐกิจการค้า เพิ่มการลงทุน ขยายธุรกิจและส่งเสริมเศรษฐกิจและการค้าจีน-ไทย ให้ยกระดับสูงขึ้นอีกระดับหนึ่ง
ประการที่สี่ สร้างจุดเด่นของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เสริมความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ ยานพาหนะไฟฟ้า ความร่วมมือด้านพลังงานใหม่และการยกระดับอุตสาหกรรม
ประการที่ห้า เราต้องส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ส่งเสริมความคุ้นเคย ความเข้าใจซึ่งกันและกันในกลุ่มเยาวชนเพื่อเป็นหลักประกันว่ามิตรภาพจีน-ไทยจะส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นต่อไป
ผลสำเร็จของความสัมพันธ์จีน-ไทยนั้นไม่อาจแยกออกจากความพยายามร่วมกันและการสนับสนุนซึ่งกันและกันของชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทย
พร้อมรับใช้ชาวจีนโพ้นทะเล
“ในปีใหม่นี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทยจะสืบสานประเพณีอันดีงามที่มีความสมานสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นมิตรระหว่างจีนและไทย สืบสานวัฒนธรรมจีนอันดีงาม เอาใจใส่และสนับสนุนกิจการการรวมแผ่นดินมาตุภูมิอย่างสันติ”
สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยจะยังคงยึดมั่นในวัตถุประสงค์ของ “การทูตเพื่อประชาชน” และ “รับใช้ชาวจีนโพ้นทะเล” มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงและยกระดับการให้บริการแก่ชาวจีนโพ้นทะเลด้วยใจจริง
เทศกาลตรุษจีนกำลังจะมาถึงและเป็นเทศกาลที่ถูกกำหนดให้เป็นวันพิเศษในประเทศไทย ซึ่งเป็นตัวอย่างของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรม และยังเป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า
“จีนและไทยพี่น้องกัน มิใช่อื่นไกล”
ในนามของสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ข้าพเจ้าขอส่งคำอวยพรตรุษจีนไปยังท่านผู้อ่านและเพื่อนมิตร ขอให้ทุกท่านโชคดีและมีความสุขตลอดปีเถาะนี้.
ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th
สามารถอัพเดตข่าวสารเรื่องราวต่างๆได้ที่ : zerryzweb.com
Latest News
พรีเมียร์ลีกออกแบบใหม่ชื่อชุดแข่งหมายเลขโลโก้2023-24
ผู้เล่นทุกคนในพรีเมียร์ลี...
โปรโมชั่น เกมส์ใหม่สล็อต เวลาเล่นโปรโมชั่น เกมส์ใหม่
เวลาเล่นสล็อต โปรโมชั่น เ...
ตัดเกรดแข้งลิเวอร์พูลพ่ายบอร์นมัธ ศึกพรีเมียร์ลีก
ผลการแข่งขัน: บอร์นมัธ 1-...